ค่า TDS มาตรฐานในน้ำคืออะไร? สำหรับคุณภาพน้ำที่ควรรู้

ค่า TDS มาตรฐาน

เมื่อต้องรับประกันคุณภาพและความปลอดภัยของน้ำ พารามิเตอร์สำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องตรวจสอบคือระดับสารที่ละลายทั้งหมด Total Dissolved Solids (นิยมเขียนย่อ TDS)

ซึ่ง TDS หมายถึงความเข้มข้นของสารที่ละลายในน้ำ รวมทั้งแร่ธาตุ เกลือ และสารอินทรีย์ แม้ว่าสารเหล่านี้ส่วนมากมักจะไม่เป็นอันตราย แต่การรักษาระดับ TDS ที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งสุขภาพและรสชาติของน้ำ

ในบทความนี้เราจะมาสำรวจว่าค่า TDS มาตรฐานในน้ำคืออะไร เหตุใดจึงมีความสำคัญ และจะจัดการค่านี้ให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร

TDS คืออะไร

สิ่งแรกที่ต้องทราบสารที่ละลายทั้งหมด Total Dissolved Solids (หรือ TDS) คือการวัดปริมาณสาร แร่ธาตุต่างๆ สารอนินทรีย์และสารอินทรีย์ รวมทั้งหมดที่ละลายในน้ำ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบต่างๆ มากมายเช่น:

  • แร่ธาตุ: แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม โพแทสเซียม ฯลฯ
  • เกลือ: คลอไรด์ ซัลเฟต ไบคาร์บอเนต ฯลฯ
  • โลหะ: เหล็ก ทองแดง ตะกั่ว สารหนู ฯลฯ
  • สารอินทรีย์: ซากพืช มลพิษทางอุตสาหกรรม น้ำเสียจากการเกษตร

หน่วยการวัดค่า TDS มักแสดงเป็นส่วนต่อล้านส่วน (ppm) หรือมิลลิกรัมต่อลิตร (มก./ล.) โดยระดับ TDS ที่ 500 ppm หมายความว่ามีของแข็งที่ละลายอยู่ในน้ำ 500 มิลลิกรัมในน้ำ 1 ลิตร

 

1 ppm = 1 mg/L (กรณีที่เป็นของเหลวเช่นน้ำ)

ค่า TDS มาตรฐานในน้ำคือเท่าใด

ค่า TDS ที่เหมาะสมในน้ำจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการใช้งาน อย่างไรก็ตาม สำหรับน้ำดื่ม มีแนวทางที่กำหนดไว้เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยและน่ารับประทาน

น้ำดื่ม:

องค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) แนะนำให้ใช้ค่า TDS 500 mg/L เป็นความเข้มข้นสูงสุดที่ยอมรับได้สำหรับน้ำดื่ม

โดยทั่วไปแล้วน้ำที่มีระดับ TDS ต่ำกว่า 300 mg/L ถือว่าดีเยี่ยม ในขณะที่ระดับระหว่าง 300-500 mg/L ถือว่ายอมรับได้ น้ำที่มีระดับ TDS สูงกว่า 500 mg/L อาจถือว่าไม่ปลอดภัยหรือไม่น่ารับประทาน

มาตรฐาน TDS น้ำดื่มในประเทศไทย

สำหรับในประเทศไทยตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้น้ำดื่มบริโภคทั่วไปมีค่า TDS ไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อลิตร (mg/L).

พารามิเตอร์กรมอนามัยอยสมอ
สารละลายทั้งหมดที่เหลือจากการระเหย (TDS )ไม่เกิน 1,000 มก./ลไม่เกิน 500 มก./ลไม่เกิน 500 มก./ล
ความกระด้าง (Hardness)ไม่เกิน 500 มก./ลไม่เกิน 100 มก./ลไม่เกิน 100 มก./ล
ซัลเฟตไม่เกิน 250 มก./ลไม่เกิน 250 มก./ลไม่เกิน 200 มก./ล
คลอไรด์ไม่เกิน 250 มก./ลไม่เกิน 250 มก./ลไม่เกิน 250 มก./ล
ไนเตรทไม่เกิน 50 มก./ลไม่เกิน 4 มก./ลไม่เกิน 4 มก./ล
ฟลูออไรด์ไม่เกิน 0.7 มก./ลไม่เกิน 0.7 มก./ลไม่เกิน 0.7 มก./ล

การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ:

ในตู้ปลาน้ำจืด ระดับ TDS ระหว่าง 100 ถึง 400 mg/L มักจะเหมาะสม ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของปลาและพืชน้ำ ในทางตรงกันข้าม

ตู้ปลาทะเลจะมีระดับ TDS ที่สูงกว่ามาก โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 30,000 ถึง 35,000 mg/L เนื่องมาจากปริมาณเกลือในน้ำทะเล

การเกษตรและการชลประทาน:

สำหรับวัตถุประสงค์ทางการเกษตร น้ำชลประทานควรมีระดับ TDS ต่ำกว่า 2,000 mg/L ระดับ TDS ที่สูงอาจทำให้ดินเค็ม ซึ่งอาจทำให้พืชเจริญเติบโตได้ช้าลงและลดผลผลิต

การใช้งานในอุตสาหกรรม:

อุตสาหกรรมจำนวนมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องใช้น้ำบริสุทธิ์สูง เช่น โรงงานผลิตยาและอิเล็กทรอนิกส์ มักตั้งเป้าให้ระดับ TDS ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมักจะต่ำกว่า 50 mg/L อย่างมาก

การวัด TDS (Total Dissolved Solids )

การวัดค่า Total Dissolved Solids (TDS) ในน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินคุณภาพน้ำ TDS บ่งชี้ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งแร่ธาตุ เกลือ และสารอินทรีย์

มีหลายวิธีในการวัด TDS ในน้ำ แต่วิธีการที่ง่ายคือใช้เครื่องวัด TDS Meter ซึ่งเป็นเครื่องมือทั่วไปที่ใช้งานง่าย

หากสนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม TDS meter คืออะไร? เข้าใจฟังก์ชันและการใช้งาน

บทความที่เกี่ยวข้อง